เปิดรอบใหม่หุ้นโรงไฟฟ้า

สุนันท์ ศรีจันทรา
วิกฤตยูเครนรอบนี้กระดานหุ้นแดงฉาน หุ้นเล็กหุ้นใหญ่ถูกถล่มขายจนตกรูด ไม่เว้นหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า ซึ่งเพิ่งกลับมาโดดเด่น แต่ต้องดิ่งลงไปใหม่

ในช่วงต้นปีหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าหลายตัวมีข่าวดีกระตุ้น นำโดยหุ้นบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ซึ่งเริ่มรับรู้รายได้จากโครงการผลิตรถไฟฟ้า และกำลังผลิตแบตเตอรี่รถไฟฟ้า

ราคาหุ้น EA พุ่งทะยานขึ้นจนสร้างจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์ที่ 105.50 บาท และปลุกให้หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้ากลับมาอยู่ในความสนใจของนักลงทุนอีกครั้ง จนราคาปรับตัวขึ้นกันยกแผง และสร้างจุดสูงสุดใหม่กันหลายตัว

หุ้นบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF สร้างจุดสูงสุดใหม่ที่ 52.75 บาท หุ้นบริษัท โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) หรือ GPSC สร้างจุดสูงสุดใหม่ที่ 89.75 บาท

และแม้แต่หุ้นบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BGRIM หุ้นบริษัท ผลิตไฟฟ้า จำกัด (มหาชน) หรือ EGCO รวมทั้งหุ้นบริษัท ราช กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ RATCH ซึ่งเงียบเหงามายาวนานก็มีความเคลื่อนไหวที่คึกคักขึ้น

หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าโดดเด่นอยู่หลายปี เพราะผลประกอบการเติบโต มีรายได้สม่ำเสมอ ไม่ได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซามากนัก ยิ่งมีโครงการลงทุนในโครงการผลิตรถไฟฟ้า โครงการผลิตแบตเตอรี่รถไฟฟ้า หรือการสร้างสถานีชาร์จแบตเตอรี่รถไฟฟ้า ยิ่งกระตุ้นความสนใจนักลงทุน

แม้ว่าค่าพี/อี เรโช เฉลี่ยหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าจะสูงกว่าค่าพี/อี เรโช เฉลี่ยของตลาดหลักทรัพย์ โดย GULF มีค่าพี/อี เรโช ประมาณ 71 เท่า EA ค่าพี/อี เรโช ประมาณ 50 เท่า และ GPSC ค่าพี/อี เรโช 25 เท่า แต่นักลงทุนยังสู้ราคา กล้าซื้อและกล้าถือ

ปีที่ผ่านมา หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าตกอยู่ในสภาพหลับใหล ไม่โดดเด่นนัก แต่ปี 2565 ฟื้นคืนสู่ความสดใส ราคาหุ้นพุ่งทะยานจนนักลงทุนบางคนไล่ซื้อไม่ทัน และถือว่าตกรถไฟเที่ยวแรก พลาดโอกาสทำกำไร

แต่สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน ทำให้หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าตกเป็นเป้าหมายในการขายของนักลงทุนสถาบัน กองทุนรวมในประเทศ และนักลงทุนต่างชาติ

เพราะเมื่อนักลงทุนสถาบันหรือนักลงทุนต่างชาติปรับพอร์ตต้องขายหุ้นออกเพื่อลดความเสี่ยงจากสถานการณ์ยูเครน หุ้นที่จะถูกคัดเลือกเทขายเป็นอันดับแรกคือ หุ้นที่ราคาปรับตัวขึ้นมาเยอะ และยังไม่ปรับตัวลงเท่าไหร่ หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าจึงถูกเทขายออกมา

การปรับฐานรอบนี้ หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าทรุดลงมาจากราคาสูงสุดประมาณ 20-30% และลงมาจนถึงจุดที่น่าสนใจอีกครั้ง ซึ่งหากสถานการณ์สงครามมีแนวโน้มที่จะยุติ ราคาหุ้นก็พร้อมจะดีดกับขึ้นทันที

แรงกดในหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าอยู่ที่สถานการณ์สงครามในยูเครน และถ้าไม่มีสถานการณ์ยูเครน คงไมได้เห็นหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าถอยลงมาแถวนี้

นักลงทุนที่ตกรถไฟเที่ยวแรก ไม่ได้ซื้อหุ้นโรงไฟฟ้าเก็บไว้ พลาดโอกาสทำกำไรไปแล้วรอบหนึ่ง ตอนนี้มีโอกาสซื้อหุ้นโรงไฟฟ้าในราคาต้นทุนที่ต่ำลงแล้ว เพียงแต่จะตัดสินใจอย่างไร จะสู้หรือไม่ หรือจะเฝ้ารอคอยจังหวะต่อไป

วิกฤตหุ้นแต่ละรอบไม่มีใครรู้ว่า หุ้นจะลงต่ำสุดที่จุดไหน และไม่มีใครซื้อหุ้นราคาต่ำสุดได้เสมอไป เช่นเดียวกับหุ้นโรงไฟฟ้า ซึ่งไม่อาจคาดเดาได้ว่าปรับฐานจนสะเด็ดน้ำหรือยัง

แต่ดูเหมือนว่า รถไฟเที่ยวสองกำลังจะออกตัว หุ้นโรงไฟฟ้าทำท่าจะดีกลับ ใครจะเข้าไปตีตั๋วของที่นั่งรอรอบใหม่หุ้นโรงไฟฟ้าหรือไม่เท่านั้น

อ้างอิง
https://m.mgronline.com/stockmarket

admin